วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พาเบบี๊ไปเที่ยวกันเถอะ

ก่อนอื่นคือเป็นคนชอบเที่ยวมาก ขนาดท้องแก่ละ ยังขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวภูเก็ตเลยค่ะ ต้องสอบถามกันวุ่นวายว่าเขาห้ามขึ้นเครื่องกันตอนท้องกี่สัปดาห์ ทีนี้พอคลอดลูกปุ๊บ ก็เหมือนกับชีวิตเปลี่ยนหน่อยๆ ต้องอยู่เดือน อยู่ในห้องตลอด ต้องเลี้ยงลูก ปรับตัวอีกสาระพัด ทีนี้พอลูกครบ 3 เดือนได้ไฟเขียวจากอาม่าทั้ง 2 บ้านปุ๊บก็ตะเวนพาลูกเที่ยวเลยค่ะ ที่สำคัญคือสามีเข้าใจว่าเราเป็นนักกิจกรรม อยู่ๆให้มาเป็นแม่บ้านก็ต้องมีรางวัลให้หน่อยค่ะ คือพาเราไปเที่ยวผ่อนคลายนั่นเอง

จากวันนั้น 4 เดือน จนถึงวันนี้ 8 เดือน ทริปของชิริวมีดังนี้ค่ะ
ปล. ชิเกิดเดือน มิถุนายน

  1. หัวหิน 
  2. บางสเหร่
  3. เชียงใหม่
  4. ปราณบุรี
  5. พัทยา
  6. เชียงใหม่ (รอบสอง)
แทบจะเรียกว่าเที่ยวทุกเดือนเลยค่ะ เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์เล็กน้อยนะคะ


เคล็ดไม่ลับในการพาเบบี๊วัยตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไปเที่ยวต่างจังหวัดค่ะ

รูปนี้ชิอายุ 6 เดือน เริ่มนั่งได้ ทำให้การถ่ายรูปน่ารักมากขึ้นเยอะเลย
ทริปปราณบุรีช่วงปีใหม่

ก่อนอื่นเลย ต้องถามก่อนค่ะ ว่าเลี้ยงลูกเองหรือเปล่า กินนมแ่ม่หรือเปล่า เพราะสำคัญมากค่ะ การเตรียมของจะคนละแบบเลยเพราะขวัญเคยคุยกับเพื่อนที่เลี้ยงลูกด้วยนมขวด ของจะเยอะกว่ามากค่ะ ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถ้าลูกหิวก็สามารถกินได้เลย ไม่ต้องเตรียมเครื่องล้าง เครื่องอุ่น ขวดนม นมผงค่ะ

ขวัญเอาเครื่องปั๊มนมไปเผื่อ แต่ก็ต้องปั๊มทิ้งอยู่ดี ที่เอาไปเพราะอยากให้นมคงที่ กลัวพาไปต่างจังหวัดแล้วนมน้อยลง เคยพาชิไปบางสเหร่  กลับมาเป็นนมเป็นไต เกือบเป็นเต้านมอักเสบเลยค่ะ เพราะประมาทคิดว่าคืนเดียวไม่เป็นไร เวลาเด็กไปต่างจังหวัดจะเล่นเยอะค่ะ บางทีเล่นจนไม่กินนมเลย พอเล่นเยอะก็เหนื่อยหลับยาวอีกต่างหาก แทบจะไม่ได้กินนมเลยจริงๆค่ะ

ขอรีวิวจากประสบการณ์ละกันนะคะ

ชิอายุ 4 เดือนพร้อมแล้วครับสำหรับการเที่ยว

ทริปแรกที่พาไป พาไปหัวหินค่ะ  3 วัน 2 คืน ร่าเริงตลอดทั้งทริป หลับเร็วกว่าอยู่ที่บ้านซักอีก รับแขกสุดๆ ใครมาเล่นด้วยก็เล่น ยิ้มกับเขาไปทั่ว 

ถ้าเลี้ยงลูกเอง 
คุณจะรู้ว่าตารางของเขาเป็นยังไง 4 เดือนกว่าแล้ว ตารางเขาจะกินนอนเป็นเวลามากกว่าช่วง 3 เดือนแรกแล้วนะคะ พอพาไปต้องกะเวลาดีดี ปกติชิริวนอน 9 โมงครึ่ง เราก็เลยกะเวลาออกตอนนั้นเลย พอขึ้นรถก็ค่อยๆกล่อมค่ะ ทีนี้ก็หลับเกือบตลอดทาง สบายซะ (ทริคคือ กะเวลานอนของลูกเป็นเวลาออกเดินทาง เด็กเล็กๆยังนอนวันละ 2 รอบอยู่ ถ้าหลับจะเป็นทริปที่มีความสุขมากค่ะ)

อายุ 4 เดือนกว่ายังกินนมแม่ตลอด พวกอาหารเสริมเลยไม่ต้องเตรียมไป สบายกว่าเยอะ ถ้าหิวแล้วก็เข้าเต้า ถ้าง่วงก็ให้นอนในรถเข็นสำหรับเด็กเล็ก เพราะนอนได้ ระหว่างทริป เราก็ไปเที่ยว กินนู่น กินนี่ก็สลับกันอุ้ม มีลูกเล็กนี่ยังไงก็ไม่ได้กินสบายๆอยู่แล้วค่ะ คิดไว้เลย พอเราเตรียมใจไว้มันก็เลยไม่เหนื่อยมาก

เวลานอน ปกติเด็กเล่นเหนื่อยๆมากๆจะนอนง่ายนะคะ นี่รู้สึกเลยว่าชินอนง่ายกว่าอยู่ที่บ้านอีก 4 เดือนนี่ยังไม่รู้จักว่าแปลกที่ ที่ทุกที่คือบ้านของเขาถ้ามีอ้อมกอดอุ่นๆของแม่อยู่ค่ะ



การอาบน้ำ ที่พักบางแห่งไม่มีอ่างอาบน้ำใหญ่ๆ 
ตอนนั้น 4 เืดือนชิยังนั่งไม่ได้ เลยให้อาบในซิงค์ค่ะ

เวลาเลือกโรงแรม
ถามเขาก่อนเลยนะคะว่ามี baby coach หรือเปล่า แต่ทริปแรกขวัญแบกเบาะเด็กไปด้วยนะคะ เผื่อกลัวชิแปลกที่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ เพราะสิ่งที่อบอุ่นและดีที่สุดสำหรับลูกคืออ้อมกอดของแม่ค่ะ

พอชิโตขึ้นหน่อย เลือกโรงแรมที่มี Kid Club จะดีมากค่ะ ถึงลูกเราจะเล็กเล่นอะไรก็ไ่ม่เป็น แต่เวลาเขาเห็นเด็กอยู่ด้วยกันเยอะๆ เขาจะชอบมากค่ะ แต่พอเล่นเสร็จต้องล้างมือให้เขานะคะ เพราะที่ๆเด็กเยอะก็คือที่แพร่เชื้อโรคด้วยค่ะ



 ขวัญจะเลือกโรงแรมที่เป็นสระน้ำเกลือค่ะ 
ชิจะได้เล่นน้ำได้ ชิชอบเล่นน้ำมากที่สุด


ของที่ต้องเตรียมไปต้องแบ่งเป็นของแม่กับของลูก ของแม่ก็อย่างที่บอกคือเครื่องปั๊มนม ผ้าคลุมให้นม แผ่นซับน้ำนม ฯลฯ อันนี้แล้วแต่แม่แต่ละคนนะคะ

ของลูก 
(คิดเลยค่ะว่าชีวิตประจำวันเขาเป็นยังไง ตั้งแต่ตื่นจนนอน)

การเดินทาง

  1. ของเล่น หนังสือนิทาน (พยายามไม่ให้ชิดูพวก Ipad ก่อนอายุ 2 ขวบค่ะ)
  2. ขนมขบเคี้ยวสำหรับเด็กเล็ก (ใช้ได้ผลมากเวลาที่ชิริวเบื่อของเล่นแ้ล้ว ส่งคุ๊กกี้สำหรับเด็กเล็กให้แล้วเคี้ยวลืม)
  3. น้ำดื่ม ใส่แก้วหัดดื่ม หรือขวดก็ได้ค่ะ
  4. คาร์ซีท
  5. รถเข็น

นอน

  1. ฟูกเด็ก
  2. ติดตุ๊กตาหรือผ้าห่มอะไรหรือเปล่า แม่ขวัญเตรียมผ้าห่มไปเอง กลัวไม่สะอาดค่ะ
อาบน้ำ
  1. แพมเพิสแบบมหาศาล 555 แต่จริงๆเด๋วนี้ก็มีขายทุกที่นะคะ
  2. ครีมทาก้น
  3. มหาหิง
  4. ชุดนอนเผื่อๆ 
  5. เสื้อกล้ามเผื่อหนาว
กิน
  1. กินนมแม่เป็นหลัก
  2. อาหารเสริมแบบผง คุ๊กกี้แบบเคี้ยวง่าย
  3. ช้อนเด็ก
คือเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ เปิดกระเป๋าเดินทางแล้วค่อยๆโยนของใส่กระเป๋าเลยค่ะ มันจะมีของเล็กๆน้อยๆของลูกที่เรากะจะใส่ แล้วก็ลืมจนได้


พาไปไหว้วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ ที่มีพระธาตุประจำตัวของชิริวอยู่ ชิอายุ 5 เดือน

คิดนานมากตอนจะพาไปเชียงใหม่ค่ะ เพราะต้องเดินทางด้วยรถตู้กับญาติๆ คิดเลยว่าเด็ก 5 เดือนจะทนนั่งรถตู้นานๆได้ไหม จะงอแงรบกวนคนอื่นไหม แต่สุดท้ายสบายกว่าที่คิดค่ะ เพราะช่วยกันอุ้ม ช่วยกันดูแล ที่สำคัญคือ เด็กกลัวคนหรือเปล่า ถ้าไม่กลัว แล้วมีคนในทริปสามารถช่วยเราได้ เราจะสบายขึ้นเยอะ แล้วก็ไม่เครียดด้วยค่ะ (ปล. เอาคาร์ซีทติดไปในรถตู้ด้วย เพราะพอเด็กหลับ เราก็วางได้ ไม่ต้องอุ้มตลอดการเดินทางค่ะ)

พาไปดูช้าง ที่ Huahin Hill
ออกแดดก็ต้องเตรียมหมวกไปด้วยนะคะ

เสื้อผ้าของลูก 

โอ้ย อันนี้เยอะขึ้นอยู่กับฤดูกาลสุดๆ แถมไม่แน่นอนอีกต่างหาก พาไปเชียงใหม่กะหนาว แต่ร้อน พาไปหัวหินว่าจะร้อน กลับลมแรงหนาวชะมัด
  1. เสื้อผ้าแบบร้อน
  2. เสื้อผ้าแบบหนาว
  3. เสื้อกล้าม (เผื่อหนาว)
  4. กางเกงแบบทั้งร้อนทั้งหนาว คือเด็กนี่ต้องดูแลดีดี เพราะถ้าป่วยกลับมาโดนว่าแน่นอนค่ะ
  5. หมวก
  6. ผ้าเช็ดน้ำลาย
  7. ผ้าอ้อม
  8. ชุดว่ายน้ำ
  9. แพมเพิสสำหรับว่ายน้ำ
  10. ฯลฯ


สุดท้ายนี้ อยากให้ลองแบบทริปใกล้ๆ 1 คืนก่อนนะคะ จะได้ดูว่าลูกตัวเองเวลาอยู่ต่างจังหวัดเป็นยังไง ถ้าโอเคก็เริ่มทริปยาวๆได้เลยค่ะ

รีวิวอันถัดไปจะเป็นพาชิไปต่างประเทศครั้งแรกตอน 1 ขวบ 2 เดือนค่ะ





วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ป๋อมแป๋มว่ายน้ำสนุกจัง

ตอนก่อนมีลูกนะ มีเพื่อนคนนึงพาลูกไปทำกิจกรรมต่างๆมากมายตั้งแต่เล็กๆ เราก็คิดว่า โห... ทำไมให้ลูกเรียนเยอะจังเด็กไม่เหนื่อยเกินไปหรอ แต่พอมีลูกเท่านั้นแหละ สิ่งไหนที่ว่าดีก็อยากจะพาชิไปเรียน เนื่องจากเป็นครูสอนเปียโนก็เลยมีข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนของเด็กเล็กๆเยอะพอสมควรค่ะ

สิ่งแรกที่อยากให้เรียนคือ ว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็ก อย่าไปคิดว่า เฮ้ยยย แค่ 4 เดือนจะสอนฟรีสไตย์ ท่ากบอะไรแบบนี้นะคะ จริงๆแล้วมันเหมือนกับเป็น play group มากกว่าค่ะ จะมีร้องเพลง สอนให้หยิบสิ่งของเสริมพัฒนาการเขาไป

จะพาไปเรียนต้องดูด้วยค่ะ ว่าลูกของเราชอบน้ำหรือเปล่า เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นฝืนให้เด็กทำสิ่งที่ไม่ชอบตั้งแต่เล็กๆ แต่โดยรวมแล้วเด็กทุกคนชอบน้ำนะคะ

อันนี้เป็นท่าที่แม่ประทับใจที่สุด เพราะชิ 4 เดือนกว่ายังยืนไม่ได้เลย 
แต่ครูโรสก็ทำให้ชิยืนได้ ลูกแม่เก่งจริงๆ


ไปเรียนทุกครั้งก็จดความรู้สึกไว้ด้วยค่ะ 

ท่านี้ก็ชอบค่ะ ชิฟินมาก ลอยน้ำไม่กลัวน้ำเลย เขาบอกว่า 
ถ้าให้ลูกมาเรียนก่อน 4 เดือน เด็กจะไม่กลัวน้ำค่ะ

29/9/55 เรียนครั้งแรกชิริวน่ารักที่สุด ไม่กลัวน้ำเลย สนใจไปซะทุกสิ่งอย่าง แม่สนุกก็มาก เรียนไปด้วยหัวเราะไปด้วยตลอด สนุกจังเลย กิจกรรมทุกอย่างของเขามีเพลงประกอบหมด ในฐานะที่เป็นครูเปียโนรู้สึก in love มาก ต้องกลับมาหัดร้องซะละ

6/10/55 คราวนี้เปลี่ยนมาเรียนคลาส 9.30 เพราะคลาส 10 โมงเต็ม เรียนกับพี่โตหน่อย แต่ครูบอกว่าโอเค ชิริวได้ดำน้ำเป็นครั้งแรก แม่พยายามไม่กลัวเพราะลูกจะเซ้นส์ได้ แม่ต้องพยายาม hv fun n relax ให้มากที่สุด ลูกก็จะสนุกไปด้วย ชิริว active มากขึ้น ขาเตะน้ำตลอด จนแ่ม่ชักจะกลัวว่าจะหลุดมือ คราวนี้คุณพ่อเรียนด้วย ก็สนุกไปอีกแบบนะ


13/10/55 ชิริวยิ่งสนุกกับการเรียนมากขึ้น กระดุกกระดิกตัวตลอดเวลา ร้องเสียงอืออา ยิ้มแย้ม มองนั่นมองนี่ แล้วก็ถีบขาใหญ่เลย วันนี้ครูโรสให้ทำท่ายืนบนมือ คุณแม่บอกว่า ชิริวเพิ่ง 4 เดือนยังนั่งไม่ได้นะคะ แต่วันนี้ครูโรสทำให้ชิริวยืนได้แล้ว เก่งที่สุด ดำน้ำได้ 2 ครั้ง ไม่กล้าทำเยอะ เด๋วชิริวเหนื่อย เรียนเสร็จไม่ร้องหิวนม แต่สลบเหมือด คา อกพ่อเลย

ท่า Hip Hip Hooley ให้เด็กรู้สึกสนุกสนานก่อนกลับบ้าน

20/10/55 คราวนี้อี๊หมีบอกว่าอยากว่ายน้ำกับชิริว ก็เลยได้รูปน่ารักน้าหลานมา แถมอี๊จิ๊ปก็พานลินที่น่ารักมาเรียนด้วย ชิริวคราวนี้พัฒนาการด้าน grasp n pull ดีมาก คว้าได้ทั้ง 2 มือเลย ดำน้ำทั้งหมด 4 รอบ คุณแม่ลองปล่อยมือตอนชิริวอยู่ในน้ำ ชิริวพยายามดิ้นแด็กๆให้พ้นเหนือน้ำ ถือว่าโอเคมาก ครั้งหน้าแม่จะลองปล่อยมือนานกว่านี้นะ หุหุ
relaxation time ให้เด็กรู้สึกว่าการมาเล่นน้ำนี่สนุก

ว่ายน้ำครั้งที่ 5 อาอี๊หมีกับอาม่ามาให้กำลังใจเช่นเคย คราวนี้ชิริวดำน้ำได้เยอะขึ้น แต่โดยจุดประสงค์แล้ว อยากให้ไม่กลัวน้ำ และหากิจกรรมทำร่วมกันมากกว่า ทุกครั้งที่เรียนว่ายน้ำ เราจะมีความสุขมาก (ไม่รู้ว่าเรานี่หมายความว่า แม่สนุกกว่าชิริวหรือเปล่า 555) ชิริวแข็งแรงขึ้น ดิ้นมากขึ้น รู้เรื่องมากขึ้น พัฒนาการเด็กนี่เร็วจริงๆเลยเนอะ





เรียนว่ายน้ำครั้งที่ 6 ชิริวคึกคักกว่าทุกครั้ง มือตีน้ำ ขาก็เตะน้ำตลอด คราวนี้ชิริวมีน้ำมูกใสไหลตอนเช้า แม่เลยคิดว่า ใส่เสื้อให้ลูกหน่อยดีกว่าเผื่อหนาว (ไม่คิดจะหยุดเรียน เพราะแม่อยาก 555 อร๊ายยย) วันนี้ครูโรสไม่มา เป็นครูฝรั่งมาสอนแทน ครูคนนี้เป็นครูของครูโรสกับครูแอนอีกทีค่ะ ครูเล่นท่ายากมาก แถมสอนเพลงแปลกๆเยอะ สนุกดี

สรุปตอนนี้ลงเรียนเป็นครอส 25 ครั้งค่ะ แต่ละครั้งชิก็มีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ จากตอนแรกที่สลบเหมือดทุกครั้งที่ขึ้นจากน้ำ เพราะชิเข้าเดือนที่ 6 เริ่มกินอาหารเสริมเป็นพวกข้าวตุ๋น ชิก็เริ่มไม่งอแงหลังเลิกเรียน ไม่สลบเหมือด แถมยังเล่นของเล่นได้ต่ออีกต่างหาก สุดยอดเลย เด็กนี่พลังเยอะจริงๆเลยนะคะ (ตอน 6 เืดือน ชิกินอาหารเสริมประมาณครึ่งถ้วยน้ำจิ้ม ตอนนี้แปดเดือนกิน 3/4 ของถ้วยซุปละ กินเยอะ กินหมดตลอดเลยค่ะ ป้อนง่าย)


สนอกสนใจตุ๊กตาของคุณครู

สุดท้ายนี้ ชิริวของแม่เป็นเด็กแข็งแรง ไม่งอแง สนอกสนใจกับสิ่งรอบข้าง ร่าเริงต่อไปนะลูก ในอนาคตไม่ว่าลูกจะเจออะไร ขอให้เป็นคนดี มองโลกในแง่ดีจ้า





วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

นมแม่ ถูๆไถๆก็ครบ 8 เดือนละ

เพราะเลี้ยงลูกเองโดยไม่มีพี่เลี้ยง มีแต่อาม่าของทั้ง 2 บ้านช่วยเลี้ยง ทำให้ไม่มีเวลาว่ามานั่งอัฟเดทบล็อคเท่าไหร่ ทั้งๆที่มีเรื่องอยากเก็บเป็นความทรงจำมากมาย

แถมกลับมาอ่านบทความเก่าๆมีแต่รูปชิตอนกระจิ๋วหริ๋วทั้งนั้นเลย ทั้งที่ๆเปลี่ยนจากลูกอ็อดหน้าตาประหลาดมาเป็นหนุ่มหล่อเต็มตัวละ ต้องรีบอัฟเดทหน่อย ฉะนั้นระหว่างเล่าประสบการณ์ให้นม ขออนุญาิตใส่รูปลูกเป็นระยะนะคะ

หลังคลอดได้เดือนกว่าๆ หุ่นก็เริ่มกลับมาเหมือนเดิม เพราะเลี้ยงเอง 
(ท่าประจำอุ้มหลับ)

ให้นมแม่ช่วงเดือนแรก เป็นช่วงที่ให้นมอยู่ในความมืดมิด คือชิริวเป็นลูกคนแรกก็เลยไม่รู้ว่าการที่ลูกว่าพอนี่คืออะไร ก็ให้ดูดๆไป แถมลูกก็ร้องอีกไม่รู้ว่าร้องเพราะอะไร ก็หลับหูหลับตาให้นมลูกไปเรื่อยๆ เห็นชินอนได้เลยคิดว่า น่าจะพอน่า ก็คิดแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอร้องไห้ก็เริ่มไม่มั่นใจอีก 

อีกเรื่องก็คือ ชิไม่อึเลย จ๊ากกก 10 วันผ่านไปก็ยังไม่อึ ทีนี้ก็ google กันใหญ่เลย ความกังวลพุ่งปรี๊ด เฮ้ยๆๆๆๆ มีนมป่ะ นมพอไหม ได้กินอะไรไปบ้างหรือเปล่า ทำไมชิไม่อึเลย ถึงได้บอกว่า แม่ให้นมด้วยความมืดมึด โชคดีมากที่เจอเวปนมแม่ แล้วเขาบอกว่าเด็กนมแม่อาจจะไม่อึเลย เพราะนมแม่กากน้อย

จนครบเดือนนี่แหละ พาไปหาหมอ หมอบอกว่า น้ำหนักขึ้นตามเกณท์ แถมชิยังเป็นเด็กตัวใหญ่ถือว่าน้ำหนักนี่สูงกว่าเด็กทั่วไปนิดๆด้วย เลยค่อยโล่งใจว่า เฮ้อ... น้ำนมพอ เย่ เย้ เย้ เย่ (ที่ไม่รู้เพราะไม่ได้ปั๊มเลย เลยไม่รู้ว่าเหลือไม่เหลือค่ะ)


 21/7/55 ชิประมาณ 1 เดือนกว่า เริ่มโตเป็นหนุ่มหล่อละ

พอเข้าเดือนที่ 2 ที่ 3 การให้นมก็สบายขึ้นเรื่อยๆ   แต่ก็ยังไม่คล่องหรอก ใครเป็นแม่ที่มีลูกคนแรกคงจะรู้สึกเหมือนกันว่าสิ่งที่ทำเนี่ยถูกหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆคือรู้ว่าทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ

พอผ่านเดือนที่ 3 ไปเนี่ยซิ ชิกัดนม กัดเลย ทั้งเม้ม ทั้งดึง โอ้ย เจ็บมาก อ่านในเน็ตเขาบอกว่า ถ้าฟันขึ้นจะมีอาการแบบนี้ แต่หลายๆคนบอกว่า เพิ่ง 3 เดือนเอง ฟันยังไม่ขึ้นหรอก สุดท้ายเจ้าฟันขาวๆก็ขึ้นมา แถมทีเดียว 2 ซี่เลยด้วย สรุปคือแม่ก็ไม่ได้เจ็บตัวฟรีนะ

ขอเขียนวิธีที่ใช้ได้ผลในการที่ลูกกัดนมนะคะ คนบอกมาหลายอย่างมาก 
  1. ใช้ 2 นิ้วตบแก้มเบาๆ 
  2. กดหน้าลูกเข้าตัวแน่นๆ ถ้าลูกหายใจไม่ออกกจะคายนมออก
  3. บีบจมูกลูกจนลูกหายใจไม่ออก ก็คายออก
วิธีที่ใช้ได้ผลคือวิธีที่ 3 ค่ะ วิธีอื่นเวลาทำข้างนอกเนี่ย คนมองประหนึ่งเรารังแกลูกตัวเอง ชิเป็นเด็กผู้ชายที่แข็งแรงมากเวลาตีเขา เขาจะหัวเราะหึหึ นึกว่าแม่เล่นด้วยค่ะ แต่ไม่ยอมปล่อยนมออกจากปาก บางทีกัดจนเลือดไหลเลย บางทีเลยเผลอตีลูกแรงขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังหัวเราะ งงมาก เคยตีให้คนอื่นดูด้วยค่ะ (ตีทำมือป้องๆ เสียงดัง แต่ไม่เจ็บ) ก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย



ยิ้มทะเล้นได้ใจอาม่าทั้ง 2 บ้านไปเลย

ชิฟันขึ้นรวดเดียวเลย จนตอนนี้อายุ 8 เดือนมีฟันทั้งหมด 8 ซี่ด้วยกัน เยอะมาก เยอะกว่าเด็กวัยอื่น ลูกเราพัฒนาการเร็วนี่ก็แอบดีใจนะคะ (เด๋วเขียนเรื่องพัฒนาการอีกที) แต่เรื่องฟันนี่ชักไม่แน่ใจเพราะว่า ฟันขึ้นเร็ว นอกจะกัดนมแม่จนแม่เจ็บแล้ว ยังมีโอกาสฟันผุได้เร็วด้วยค่ะ ต้องดูแลดีดี

ช่วงฟันขึ้น คุณแม่ทุกคนอดทนนิดนึงนะคะ ประมาณ 3-5 วันแล้วมันจะผ่านไปค่ะ เวลาที่เราตีลูกแล้วสามีกะคุณแม่สามีมองว่าเราใจร้ายนี่มันช้ำใจนะคะ สามีก็เครียด เพราะเราก็เลือดออก ชิก็โดนตี (แต่อย่างที่บอก เวลาตีชิ ชิหัวเราะเฉยเลย ฮ่าฮ่า) เคยอยากเลิกให้นมแม่ด้วยค่ะ เพราะทนไม่ไหว แต่สุดท้ายมันก็ผ่านไปแ้ล้วเราก็กลับมาอินเลิฟกับการให้นมเหมือนเคยค่ะ
7 พย 55 :: อายุ 5 เดือน มีฟันขึ้นทั้งบนทั้งล่างละ



เด็กนมแม่ใครว่าไม่ป่วย ชิป่วยมาแล้ว 2 ครั้ง แต่เพราะติดจากคนใกล้ชิดทั้งนั้นเลย ฉะนั้นแม้จะให้นมแม่ตลอด แต่ก็ห้ามประมาทเด็ดขาด ใครป่วยก็บอกว่า ขอความกรุณางดอุ้มนะคะ เพราะเด็กป่วยนี่ลำบากมาก

รอบแรกเป็นตอน 2 เดือนกว่า เป็นหวัดค่ะ ชินอนไม่ได้เพราะน้ำมูกเต็มจมูก หายใจไม่คล่อง ตอนแรกว่าจะไม่ไปหาหมอ เพราะไม่อยากให้เด็กเล็กๆกินยา แต่สุดท้ายก็ไม่ไหว พาไปหาดีกว่า เพราะสงสาร น้ำมูกเริ่มเยอะมาก หมอก็ดีนะ ไม่ได้ให้ยาอะไรมา แค่สอนให้ดูดน้ำมูก ใช้ลูกยางสีแดง พอดูดน้ำมูกออกแค่นั้นแหละ เจ้าชิสบายเลย แต่ต้องดูดเรื่อยๆ แล้วต้องดูดออกให้หมด อย่าใจอ่อน เพราะทำแบบตั้งใจไปเลยครั้งเดียว ดีกว่าต้องมาทำซ้ำๆ เพราะการดูดน้ำมูกให้ลูกนี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องปล้ำกันพอสมควร


1/9/55 ยิ่งโตยิ่งน่ารัก อายุ 3 เดือนก็นั่งแบบพิงๆหน่อยได้ละ


รอบที่ 2 เป็นตอน 7 เดือนกว่า ไอค๊อกแค็ก คิดเหมือนเดิม ถ้าไม่เป็นอะไรจริงๆจะไม่พาไปหาหมอ แต่สรุปก็พาไป เพราะกังวล 555 คราวนี้แย่กว่าเดิมอีก เพราะเด็กเล็กๆถ้าไอมีเสมหะ จะไม่สามารถไอเอาเสมหะออกมาเองได้ (เด็กช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่ depend on คนอื่นจริงๆ) ต้องเคาะปอดเอง (ทำมือป้องๆตบหลัง หาเอาใน youtube ค่ะ) เราถึงขั้น advance ใช้ลูกยางแดง ดูดเสมหะออกจากคอเขาเองด้วย เพราะสงสารมาก กินนมเท่าไหร่พอไอๆก็อ๊วกออกมาก แต่สรุปก็ผ่านพ้นทุกอย่างมาได้ด้วยดี คุณแม่ต้องใช้ความอดทนสูงนะคะ

ปล. หมอบอกว่า ถ้าไม่หนักจริงๆ หมอจะไม่ให้ใช้เครื่องดูดค่ะ

เอาอัญชันมาทาคิ้ว ทาซะหนายังกะชินจังเลย

สรปตอนนี้ชิอายุ 8 เดือนละ รักมากขึ้นทุกวัน พัฒนาการทุกอย่างดีมาก พาไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยมาก (หัวหิน พัทยา ปราณบุรี เชียงใหม่ 2 รอบ) เป็นเด็กร่าเริงยิ้มง่าย จะงอแงเฉพาะเวลาง่วงกะหิวเท่านั้นค่ะ เลี้ยงลูกไม่กลัว กลัวตอนอบรมบ่มนิสัย ยังไงคุณแม่มือใหม่ก็สู้ๆค่ะ