วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

พาเบบี๊ไปเที่ยวกันเถอะ ตอน พาไปต่างประเทศครับ

รีวิวทริปฮ่องกง กับ การขึ้นเครื่องบินครั้งแรกของชิ อายุ 1ขวบ 2 เดือน
Taking Baby Abroad:



เจ้าชิช่างลั่นล้า วัยกำลังหัดเดินแบบนี้อยู่ไม่สุขแน่ๆ



  • ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนค่ะ ชิอายุ 1 ขวบ 2 เดือนกว่าๆกำลังเดินค่ะ ที่ต้องเกริ่นเพราะเด็กทุกคนนิสัยไม่เหมือนกันนะคะ บางคนเลี้ยงง่าย บางคนเลี้ยงยากค่ะ จะพาไปต่างประเทศนี่ต้องรู้นิสัยลูกมากๆแล้วเราจะไม่เหนื่อยค่ะ เพราะเราจะเข้าใจเขา
  • ชิเป็นเด็กนมแม่ กินนอนเป็นเวลา ยังนอนกับแม่อยู่
  • เรื่องกินนี่เลือกกินบ้าง แต่ถ้าหิวบางครั้งก็กินได้ บางครั้งก็งอแงจะกินนมแม่แต่ส่วนใหญ่จะพยายามหัดให้กินข้าวค่ะ ชิกินข้าวได้เหมือนผู้ใหญ่ละ 
  • เป็นเด็กแข็งแรง ถ้าไม่เจ็บจริงๆจะไม่ร้องไห้ 
  • ไม่ชอบนั่งรถเข็นทำให้กังวลใจมากกว่าอุ้มทั้งวันตอนไปเที่ยวจะไม่ไหวนะ


ชิกับการขึ้นเครื่อง


Time management ยิ่งกว่าสมัยเรียน กะอย่างดีว่าจะเล่นยังไง 
นิทานกี่เล่ม ให้กินนมตอนไหน สุดท้ายประสบความสำเร็จหลับปุ๋ยไปครึ่งทางครับ

เป็นหนึ่งเรื่องที่กังวลมากที่สุดก่อนไปเลยว่าจะรอดไหม เพราะได้ยินคนพูดเรื่องนี้เยอะมาก หาข้อมูลเยอะมากอ่านในเน็ตทุกวันถึงวิธีการและทริคต่างๆ จนสรุปได้่ว่า ตอนเครื่องกำลังขึ้นให้เอานมให้ดูดจะได้ไม่ปวดหู แต่พอถึงเวลาจริงกว่าจะขึ้นเครื่อง (infant สามารถขอขึ้นเครื่องก่อนได้เลยค่ะ) กะเวลาตอนอยู่ในเครื่อง (การทำให้เด็กกำลังหัดเดินยอมนั่งอยู่กับที่เฉยๆนี่ยากมาก) นึกว่าเครื่องจะขึ้นละ อ้าว แอร์มีให้ดูทีวีสาธิต อ่ะ คิดว่าใช่ละ จะให้ลูกดูดละ ยังมี This is Captain speaking เฮ้อ เครื่องไม่ขึ้นซักที จะเลิกดูดแล้วนะ ก็หลอกล่อให้ดูดต่อไป พอขึ้นเครื่องซักพักดูดไปดูดมาก็หลับค่ะ แต่หลับไปแค่ 1 ชม. อีก ชม.ครึ่งก็อ่านนิทานให้ฟัง ชิชอบนิทานมาก เลือกไปแต่เล่มโปรดให้เขาค่ะ (ปกติ TG จะมีการ์ตูนให้ดู แต่ชิยังไม่ถึง 2 ขวบเลยไม่ให้ดูทีวีกับเล่นไอแพดค่ะ)

แต่ขากลับนี่ซิ วัดใจเลย ให้ดูดตั้งหลายรอบไม่หลับซักที ทำหน้าทำตาหน้ารักตาหวานใส่อีก มองแววตาลูกชั้นละ ไม่หลับชัวร์ เลยต้องหลอกล่อสารพัดนิทานเตรียมไปกี่เล่ม อ่านให้ฟังหมดทุกเล่ม ถือว่าโชคดีมาก เวลาชิปวดหู ชิจะเอามือชี้ไปที่หูค่ะ ก็เอาน้ำให้เขาดูด ไม่ร้องไห้เลย (ห้ามเอาของเหลวเข้า แต่พอเช็คอินเข้าไปแล้ว ที่สนามบินตรงที่กดน้ำดื่ม ก็เอาใส่ขวดเด็กที่เตรียมเอาไว้ได้ค่ะ ถ้ากลัวว่าไม่สะอาดสามารถของแอร์ได้เลยค่ะ)

ทริคง่ายๆที่รู้สึกว่าเจ๋งชะมัด

  • ไปเร็วกว่าเวลาหน่อย ถ้าลูกต่ำกว่า 2 ขวบบอกเจ้าหน้าที่เลยว่ามี infants สามารถลัดคิวได้ตั้งแต่ทางเข้าเช็คอินกับสายการบิน ตรวจตม. จนถึงหน้าเกจขึ้นเครื่องเลยทีเดียว เวลาเห็นคนเยอะๆต่อคิว แล้วเราได้เข้าปรี๊ดดดด รู้สึกดีจริงๆ
  • เล่นให้เหนื่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ คิดไปเองว่า ขึ้นเครื่องต้องหลับ ซึ่งบางทีก็สงสัยว่าเหนื่อยขนาดนี้ทำไมไม่นอนน้า ถ้าใครทำให้ลูกหลับได้ตลอดไฟท์ แม่ขวัญขอคาราวะค่ะ
  • เอาของที่ลูกชอบไปเยอะ แต่ไม่ใช่อุปกรณ์ที่ต้องใช้เสียง คือแต่ก่อนมี perception ว่าทุกคนต้องรักเด็ก แต่พระเจ้าช่วยมีคนไม่รักเด็กด้วย คือเอาของเล่นไปเพื่อให้เด็กเงียบ แต่ถ้าของเล่นเสียงดังโครมครามก็มีคนมองอยู่ดี เชอะ เชอะ
  • บอกแอร์ว่า ขอของเล่นเด็กด้วยค่ะ ถึงลูกเรายังเล็ก แต่ก็ชอบอะไรที่แปลกตา ถึงเอามาไม่ได้เล่นก็เอามาให้ลูกดูก็ได้ค่ะ


ชิกับอาหาร


นมแม่อร่อย ง่ายสะดวก กินได้ทุกที่แม้แต่บนรถไฟครับ

ขออนุญาติเชียร์นมแม่มา ณ ที่นี้ พาชิเที่ยวบ่อยมากค่ะ พาไปเชียงใหม่ พาไปนู่นนี่ ที่สะดวกขนาดนี้เพราะนมแม่เลย หิวที่ไหนให้กินได้ที่นั่น ไม่ต้องพกอุปกรณ์เยอะ ไม่ต้องมีขวดนม เครื่องนึ่งขวดนม ฯลฯอีกมากมายก่ายกอง พอโตขึ้นต้องกินอาหารหลัก ถ้าเวลาเที่ยวผิดเวลาก็กินนมแม่รองท้องก่อนได้ ดีสุดๆเลยค่ะ เชียร์ เชียร์


เรื่องอาหารของชินี่ อันนี้ถือว่าพลาดมาก ขาไปไม่ได้เตรียมอะไรให้ชิกินเลย นึกว่ามาซื้อที่สนามบินหรือให้รอกินบนเครื่องได้ โอ้ยยย ผิดมหันส์ ที่สนามบินก็เดินไกล คนเยอะ ขนาดinfants สามารถแซงคิวได้ตั้งแต่เช็คอิน ตม. ฯลฯ แซงมาตลอดทาง ยังขึ้นเครื่องพอดีเวลาเลยค่ะ กว่าแอร์จะเสริฟอาหารอีก ชิดูหิวโซมาก แถมอาหารบนเครื่องเป็น อมเล็ต กับ โจ๊ก ซึ่งชิไม่ชอบทั้ง 2 อย่าง (ชิไม่ชอบอาหารที่ออกเหลว ชอบกินข้าวเม็ด) คือดูออกเลยว่าไม่ชอบ แต่ก็กินแบบทั้งๆที่ไม่ชอบนั่นแหละ


ของโปรด หมูหยองครับผม

แต่ที่ฮ่องกง โรงแรมรวมอาหารเช้า เลยตักข้าวใส่กล่องแล้วมีเตรียมหมูหยองไปจากประเทศไทย เวลาที่เที่ยวจนผิดเวลามากๆ ก็หยิบข้าวกล่องแล้วเอาหมูหยองโรยให้ชิกินค่ะ อยู่เมืองนอก กินข้าวเยอะกว่าอยู่บ้านเรา สงสัยคงเหนื่อยแล้วหิวทุกวัน อยู่ที่นั่นให้กินแบบสบายๆนะคะ ถ้าไม่กินก็ปล่อย อีกมื้อนึงก็จะกินเยอะเองค่

ชิกินข้าวทุกที่ค่ะ รูปนี่คือกินบนกระเช้าไปนองปิง บนรถไฟ ทุกที่เลยแล้วแต่เวลาที่เขาหิวตามเวลาเมืองไทยค่ะ

ชิกับรถเข็น


นี่คือเหนื่อยจนหลับคารถเข็นเลย หันมาอีกทีอ้าว อยู่ท่านี้ซะแล้ว

ชิเป็นเด็กที่ไม่ชอบรถเข็นเลย ยากมาก วันแรกที่สุวรรณภูมิวัดใจกันไปเลย พยายามหัดแล้วก็ร้องไห้ คราวนี้ก็ปล่อยให้ร้องไป ใครจะทำใจอ่อนก็บอกว่า เวลาอยู่ฮ่องกงเดินเยอะๆจะอุ้มไม่ไหวนะ หนักขึ้นทุกวันด้วย ก็ร้องไห้ไปค่ะ แป๊บเดียวก็หยุดสะอึ้นฮักๆ ซักพักจำได้ก็ร้อง ร้องอยู่วันเดียว วันถัดไปขึ้นรถเข็นถีบตัวเด้งออก ต้องใช้ 3 คนจับ ก็ร้องไห้ประมาณ 30 วิ วันนั้นขึ้นรถเข็นกันหลายรอบ ต้องใช้คำว่า จับยัดเข้าไป จาก 30 วิ ก็ลดลงมาเรื่องเหลือ 10 วิ จนหลังๆเหลือแค่ แอ๊ แอ๊ ค่ะ 

เข้าใจเลยว่าทำไมฝรั่งเขาเลี้ยงลูกดูมีระเบี๊ยบระเบียบ เพราะเขาใจแข็งกว่าค่ะ สุดท้ายลูกชิ้นของแม่ก็เป็นเด็กรถเข็นได้ตลอด 4 วัน 3 คืน ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากค่ะ สบายไม่ต้องอุ้มเดิน


ชิกับการเที่ยวระหว่างวันและการนอน


Disney Land เล่นจนหลับไป



ชินอนง่ายอยู่แล้ว ขวัญสอน Baby Sign ชิตั้งแต่ชิอายุประมาณ 8 เดือน คือทุกครั้งก่อนจะให้กินนมขวัญจะ sign แล้วพอเขาดูดทุกครั้งก็ทำท่า จนตอนนี้ถ้าเขาหิวนม หรือง่วงนอนเขาจะ Sign ค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่ดีมาก แนะนำเลยว่าควรสอนค่ะ ทีนี้เวลาเราเที่ยวอยูุ่้ถ้าเขาทำท่านี้แปลว่าจะกินนม (ถ้าหิวข้าวจะพูดว่าหม่ำๆ) ขวัญก็จะหาสถานที่ให้นมเขาค่ะ เตรียมผ้าคลุมให้นมไปด้วย ให้นมได้ทุกที่ เวลาอยู่บนรถไฟฟ้าถ้านั่งตรงกลางๆ บางทีขวัญก็ขอ switch seat กับคนที่นั่งริมนะคะ เพื่อความสะดวกสบาย เพราะลูกตัวใหญ่ คนในรถไฟก็ไม่มองกันนะ หรือถ้ามองก็ช่างมันเถอะค่ะ ลูกหิว 555 

พอหนังท้องตึง ชิก็ง่วงก็จับนอนในคาร์ซีท อันนี้ก็ประทับใจกับ Combi Well comfort มาก ว่าล้อดี ถนนบน HK ไม่เรียบก็เข็นมาได้ พับเก็บก็ง่าย น้ำหนักเบาดีค่ะ


พาลูกเข้าไปดู 4D ด้วยกัน ใช้ความพยายามแต่ประสบความสำเร็จค่ะ

สรุปคือมาเที่ยวนี้ ง่ายกว่าที่คิดมาก ตอนแรกคิดในใจว่า ต้องเหนื่อยมากจนไม่สนุกแน่ แต่สุดท้ายก็สนุกค่ะ แต่คุณแม่ต้องทำใจนะคะว่าเที่ยวไม่ได้เยอะเหมือนแต่ก่อน ถึงขนาดติดใจรีบจะจองอีกหลายทริปให้ชิไปก่อน 2 ขวบ เพราะชิไม่ต้องเสียค่าอะไรเลยนอกจากค่าภาษีค่ะ

สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณต่อกับพ่อแม่ต่อมากๆที่ช่วยประคับประคองเจ้าจิ๋วให้ไปและกลับมาอย่างสนุกสนานตลอดรอดฝั่งค่ะ

ถึงจะหนัก แต่ด้วยความที่แม่อยากเที่ยว 
แล้วก็ไม่อยากจากลูกไปกันเอง เลยต้องกระเตงกันไปด้วยกันแบบนี้แหละ



-------------------------------

รีวิวของแม่ขวัญเอง


หมู่บ้านชาวประมง รียีมูน สวรรค์ของคนรักอาหารทะเล
แต่น่าสงสารเจ้ากุ้งหอยปูปลานัก



มา HK รอบนี้ไม่เหมือนรอบก่อนๆที่เคยไป ปกติไปกับทัวร์ ไปกับเพื่อน แต่รอบนี้ไปเยี่ยมอาโกวของสามีที่ HK ค่ะ เลยประทับใจกับการต้อนรับมาก ได้กินที่อร่อยวิวสวยเห็นน้ำแสงสีของฮ่องกง ที่กินต้องจองโต๊ะตลอด คือถ้าไปกันเองไม่มีทางได้กินแน่ๆ (แอบคิดถึงนุ๊ก(เจ๊โบ)ว่าต้องอิจฉาแน่ๆ 5555 ได้ไปหมู่บ้านชาวประมง กินกุ้งมังกรตัวเท่าแขนแหนะ โฮะๆ)

งวดนี้จองในงานการบินไทยค่ะ ทั้งตั๋วเครื่องบินกับที่พัก Park Hotel (Tsim Sha Jui) ที่พักดีมาก ใหญ่ สะอาด ถือว่ารอบนี้ประทับใจทุกอย่าง ยกเว้น...... ไม่อยากจะคอมเม้นท์ให้เสียฟิล แต่คนที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงเปลี่ยนไปมาก บางคนว่าเพราะคนจีนมาอยู่เยอะขึ้นค่ะ

อืม... คนแซงคิวเยอะมาก คนแย่งกันขึ้นรถไฟ แล้วอิชั้นก็ต้องอุ้มลูกนะคะ คือแทบจะเอาชิริวไปยืนข้างหน้าคนแล้วสบตาว่า ลุกขึ้นมาให้ชั้นนั่งเด๋วนี้นะ เห็นไหม เจ้าลิงน้อยอยู่สุขซะที่ไหน โอม จงลุก จงลุก 

ไปดิสนี่แลนด์ค่ะ พระเจ้า่ช่วย คือแบบเลือกไปวันธรรมดาแล้วนะ คนก็ยังกะหนอน แถมโล้งเล้งกันสุดๆค่ะ แล้วก็แซงคิวกันอีกแล้ว อยากจะกรี๊ด ไปเล่นเครื่องเล่นกันหนึ่งใน Toy Story Land ไปเข้าคิวคนเดียวเพราะคนอื่นสมัครใจอยู่กับชิริวข้างนอก ต้องทำตัวพองๆให้เต็มแถมเพราะไม่งั้นจะมีคนทำเนียนแซง อยากจะบร้าตาย แต่ก็สนุกอีกค่ะ

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

พาเบบี๊ไปเที่ยวกันเถอะ

ก่อนอื่นคือเป็นคนชอบเที่ยวมาก ขนาดท้องแก่ละ ยังขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวภูเก็ตเลยค่ะ ต้องสอบถามกันวุ่นวายว่าเขาห้ามขึ้นเครื่องกันตอนท้องกี่สัปดาห์ ทีนี้พอคลอดลูกปุ๊บ ก็เหมือนกับชีวิตเปลี่ยนหน่อยๆ ต้องอยู่เดือน อยู่ในห้องตลอด ต้องเลี้ยงลูก ปรับตัวอีกสาระพัด ทีนี้พอลูกครบ 3 เดือนได้ไฟเขียวจากอาม่าทั้ง 2 บ้านปุ๊บก็ตะเวนพาลูกเที่ยวเลยค่ะ ที่สำคัญคือสามีเข้าใจว่าเราเป็นนักกิจกรรม อยู่ๆให้มาเป็นแม่บ้านก็ต้องมีรางวัลให้หน่อยค่ะ คือพาเราไปเที่ยวผ่อนคลายนั่นเอง

จากวันนั้น 4 เดือน จนถึงวันนี้ 8 เดือน ทริปของชิริวมีดังนี้ค่ะ
ปล. ชิเกิดเดือน มิถุนายน

  1. หัวหิน 
  2. บางสเหร่
  3. เชียงใหม่
  4. ปราณบุรี
  5. พัทยา
  6. เชียงใหม่ (รอบสอง)
แทบจะเรียกว่าเที่ยวทุกเดือนเลยค่ะ เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์เล็กน้อยนะคะ


เคล็ดไม่ลับในการพาเบบี๊วัยตั้งแต่ 4 เดือนขึ้นไปเที่ยวต่างจังหวัดค่ะ

รูปนี้ชิอายุ 6 เดือน เริ่มนั่งได้ ทำให้การถ่ายรูปน่ารักมากขึ้นเยอะเลย
ทริปปราณบุรีช่วงปีใหม่

ก่อนอื่นเลย ต้องถามก่อนค่ะ ว่าเลี้ยงลูกเองหรือเปล่า กินนมแ่ม่หรือเปล่า เพราะสำคัญมากค่ะ การเตรียมของจะคนละแบบเลยเพราะขวัญเคยคุยกับเพื่อนที่เลี้ยงลูกด้วยนมขวด ของจะเยอะกว่ามากค่ะ ถ้าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ถ้าลูกหิวก็สามารถกินได้เลย ไม่ต้องเตรียมเครื่องล้าง เครื่องอุ่น ขวดนม นมผงค่ะ

ขวัญเอาเครื่องปั๊มนมไปเผื่อ แต่ก็ต้องปั๊มทิ้งอยู่ดี ที่เอาไปเพราะอยากให้นมคงที่ กลัวพาไปต่างจังหวัดแล้วนมน้อยลง เคยพาชิไปบางสเหร่  กลับมาเป็นนมเป็นไต เกือบเป็นเต้านมอักเสบเลยค่ะ เพราะประมาทคิดว่าคืนเดียวไม่เป็นไร เวลาเด็กไปต่างจังหวัดจะเล่นเยอะค่ะ บางทีเล่นจนไม่กินนมเลย พอเล่นเยอะก็เหนื่อยหลับยาวอีกต่างหาก แทบจะไม่ได้กินนมเลยจริงๆค่ะ

ขอรีวิวจากประสบการณ์ละกันนะคะ

ชิอายุ 4 เดือนพร้อมแล้วครับสำหรับการเที่ยว

ทริปแรกที่พาไป พาไปหัวหินค่ะ  3 วัน 2 คืน ร่าเริงตลอดทั้งทริป หลับเร็วกว่าอยู่ที่บ้านซักอีก รับแขกสุดๆ ใครมาเล่นด้วยก็เล่น ยิ้มกับเขาไปทั่ว 

ถ้าเลี้ยงลูกเอง 
คุณจะรู้ว่าตารางของเขาเป็นยังไง 4 เดือนกว่าแล้ว ตารางเขาจะกินนอนเป็นเวลามากกว่าช่วง 3 เดือนแรกแล้วนะคะ พอพาไปต้องกะเวลาดีดี ปกติชิริวนอน 9 โมงครึ่ง เราก็เลยกะเวลาออกตอนนั้นเลย พอขึ้นรถก็ค่อยๆกล่อมค่ะ ทีนี้ก็หลับเกือบตลอดทาง สบายซะ (ทริคคือ กะเวลานอนของลูกเป็นเวลาออกเดินทาง เด็กเล็กๆยังนอนวันละ 2 รอบอยู่ ถ้าหลับจะเป็นทริปที่มีความสุขมากค่ะ)

อายุ 4 เดือนกว่ายังกินนมแม่ตลอด พวกอาหารเสริมเลยไม่ต้องเตรียมไป สบายกว่าเยอะ ถ้าหิวแล้วก็เข้าเต้า ถ้าง่วงก็ให้นอนในรถเข็นสำหรับเด็กเล็ก เพราะนอนได้ ระหว่างทริป เราก็ไปเที่ยว กินนู่น กินนี่ก็สลับกันอุ้ม มีลูกเล็กนี่ยังไงก็ไม่ได้กินสบายๆอยู่แล้วค่ะ คิดไว้เลย พอเราเตรียมใจไว้มันก็เลยไม่เหนื่อยมาก

เวลานอน ปกติเด็กเล่นเหนื่อยๆมากๆจะนอนง่ายนะคะ นี่รู้สึกเลยว่าชินอนง่ายกว่าอยู่ที่บ้านอีก 4 เดือนนี่ยังไม่รู้จักว่าแปลกที่ ที่ทุกที่คือบ้านของเขาถ้ามีอ้อมกอดอุ่นๆของแม่อยู่ค่ะ



การอาบน้ำ ที่พักบางแห่งไม่มีอ่างอาบน้ำใหญ่ๆ 
ตอนนั้น 4 เืดือนชิยังนั่งไม่ได้ เลยให้อาบในซิงค์ค่ะ

เวลาเลือกโรงแรม
ถามเขาก่อนเลยนะคะว่ามี baby coach หรือเปล่า แต่ทริปแรกขวัญแบกเบาะเด็กไปด้วยนะคะ เผื่อกลัวชิแปลกที่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ เพราะสิ่งที่อบอุ่นและดีที่สุดสำหรับลูกคืออ้อมกอดของแม่ค่ะ

พอชิโตขึ้นหน่อย เลือกโรงแรมที่มี Kid Club จะดีมากค่ะ ถึงลูกเราจะเล็กเล่นอะไรก็ไ่ม่เป็น แต่เวลาเขาเห็นเด็กอยู่ด้วยกันเยอะๆ เขาจะชอบมากค่ะ แต่พอเล่นเสร็จต้องล้างมือให้เขานะคะ เพราะที่ๆเด็กเยอะก็คือที่แพร่เชื้อโรคด้วยค่ะ



 ขวัญจะเลือกโรงแรมที่เป็นสระน้ำเกลือค่ะ 
ชิจะได้เล่นน้ำได้ ชิชอบเล่นน้ำมากที่สุด


ของที่ต้องเตรียมไปต้องแบ่งเป็นของแม่กับของลูก ของแม่ก็อย่างที่บอกคือเครื่องปั๊มนม ผ้าคลุมให้นม แผ่นซับน้ำนม ฯลฯ อันนี้แล้วแต่แม่แต่ละคนนะคะ

ของลูก 
(คิดเลยค่ะว่าชีวิตประจำวันเขาเป็นยังไง ตั้งแต่ตื่นจนนอน)

การเดินทาง

  1. ของเล่น หนังสือนิทาน (พยายามไม่ให้ชิดูพวก Ipad ก่อนอายุ 2 ขวบค่ะ)
  2. ขนมขบเคี้ยวสำหรับเด็กเล็ก (ใช้ได้ผลมากเวลาที่ชิริวเบื่อของเล่นแ้ล้ว ส่งคุ๊กกี้สำหรับเด็กเล็กให้แล้วเคี้ยวลืม)
  3. น้ำดื่ม ใส่แก้วหัดดื่ม หรือขวดก็ได้ค่ะ
  4. คาร์ซีท
  5. รถเข็น

นอน

  1. ฟูกเด็ก
  2. ติดตุ๊กตาหรือผ้าห่มอะไรหรือเปล่า แม่ขวัญเตรียมผ้าห่มไปเอง กลัวไม่สะอาดค่ะ
อาบน้ำ
  1. แพมเพิสแบบมหาศาล 555 แต่จริงๆเด๋วนี้ก็มีขายทุกที่นะคะ
  2. ครีมทาก้น
  3. มหาหิง
  4. ชุดนอนเผื่อๆ 
  5. เสื้อกล้ามเผื่อหนาว
กิน
  1. กินนมแม่เป็นหลัก
  2. อาหารเสริมแบบผง คุ๊กกี้แบบเคี้ยวง่าย
  3. ช้อนเด็ก
คือเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันนะคะ เปิดกระเป๋าเดินทางแล้วค่อยๆโยนของใส่กระเป๋าเลยค่ะ มันจะมีของเล็กๆน้อยๆของลูกที่เรากะจะใส่ แล้วก็ลืมจนได้


พาไปไหว้วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ ที่มีพระธาตุประจำตัวของชิริวอยู่ ชิอายุ 5 เดือน

คิดนานมากตอนจะพาไปเชียงใหม่ค่ะ เพราะต้องเดินทางด้วยรถตู้กับญาติๆ คิดเลยว่าเด็ก 5 เดือนจะทนนั่งรถตู้นานๆได้ไหม จะงอแงรบกวนคนอื่นไหม แต่สุดท้ายสบายกว่าที่คิดค่ะ เพราะช่วยกันอุ้ม ช่วยกันดูแล ที่สำคัญคือ เด็กกลัวคนหรือเปล่า ถ้าไม่กลัว แล้วมีคนในทริปสามารถช่วยเราได้ เราจะสบายขึ้นเยอะ แล้วก็ไม่เครียดด้วยค่ะ (ปล. เอาคาร์ซีทติดไปในรถตู้ด้วย เพราะพอเด็กหลับ เราก็วางได้ ไม่ต้องอุ้มตลอดการเดินทางค่ะ)

พาไปดูช้าง ที่ Huahin Hill
ออกแดดก็ต้องเตรียมหมวกไปด้วยนะคะ

เสื้อผ้าของลูก 

โอ้ย อันนี้เยอะขึ้นอยู่กับฤดูกาลสุดๆ แถมไม่แน่นอนอีกต่างหาก พาไปเชียงใหม่กะหนาว แต่ร้อน พาไปหัวหินว่าจะร้อน กลับลมแรงหนาวชะมัด
  1. เสื้อผ้าแบบร้อน
  2. เสื้อผ้าแบบหนาว
  3. เสื้อกล้าม (เผื่อหนาว)
  4. กางเกงแบบทั้งร้อนทั้งหนาว คือเด็กนี่ต้องดูแลดีดี เพราะถ้าป่วยกลับมาโดนว่าแน่นอนค่ะ
  5. หมวก
  6. ผ้าเช็ดน้ำลาย
  7. ผ้าอ้อม
  8. ชุดว่ายน้ำ
  9. แพมเพิสสำหรับว่ายน้ำ
  10. ฯลฯ


สุดท้ายนี้ อยากให้ลองแบบทริปใกล้ๆ 1 คืนก่อนนะคะ จะได้ดูว่าลูกตัวเองเวลาอยู่ต่างจังหวัดเป็นยังไง ถ้าโอเคก็เริ่มทริปยาวๆได้เลยค่ะ

รีวิวอันถัดไปจะเป็นพาชิไปต่างประเทศครั้งแรกตอน 1 ขวบ 2 เดือนค่ะ





วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ป๋อมแป๋มว่ายน้ำสนุกจัง

ตอนก่อนมีลูกนะ มีเพื่อนคนนึงพาลูกไปทำกิจกรรมต่างๆมากมายตั้งแต่เล็กๆ เราก็คิดว่า โห... ทำไมให้ลูกเรียนเยอะจังเด็กไม่เหนื่อยเกินไปหรอ แต่พอมีลูกเท่านั้นแหละ สิ่งไหนที่ว่าดีก็อยากจะพาชิไปเรียน เนื่องจากเป็นครูสอนเปียโนก็เลยมีข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนของเด็กเล็กๆเยอะพอสมควรค่ะ

สิ่งแรกที่อยากให้เรียนคือ ว่ายน้ำสำหรับเด็กเล็ก อย่าไปคิดว่า เฮ้ยยย แค่ 4 เดือนจะสอนฟรีสไตย์ ท่ากบอะไรแบบนี้นะคะ จริงๆแล้วมันเหมือนกับเป็น play group มากกว่าค่ะ จะมีร้องเพลง สอนให้หยิบสิ่งของเสริมพัฒนาการเขาไป

จะพาไปเรียนต้องดูด้วยค่ะ ว่าลูกของเราชอบน้ำหรือเปล่า เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นฝืนให้เด็กทำสิ่งที่ไม่ชอบตั้งแต่เล็กๆ แต่โดยรวมแล้วเด็กทุกคนชอบน้ำนะคะ

อันนี้เป็นท่าที่แม่ประทับใจที่สุด เพราะชิ 4 เดือนกว่ายังยืนไม่ได้เลย 
แต่ครูโรสก็ทำให้ชิยืนได้ ลูกแม่เก่งจริงๆ


ไปเรียนทุกครั้งก็จดความรู้สึกไว้ด้วยค่ะ 

ท่านี้ก็ชอบค่ะ ชิฟินมาก ลอยน้ำไม่กลัวน้ำเลย เขาบอกว่า 
ถ้าให้ลูกมาเรียนก่อน 4 เดือน เด็กจะไม่กลัวน้ำค่ะ

29/9/55 เรียนครั้งแรกชิริวน่ารักที่สุด ไม่กลัวน้ำเลย สนใจไปซะทุกสิ่งอย่าง แม่สนุกก็มาก เรียนไปด้วยหัวเราะไปด้วยตลอด สนุกจังเลย กิจกรรมทุกอย่างของเขามีเพลงประกอบหมด ในฐานะที่เป็นครูเปียโนรู้สึก in love มาก ต้องกลับมาหัดร้องซะละ

6/10/55 คราวนี้เปลี่ยนมาเรียนคลาส 9.30 เพราะคลาส 10 โมงเต็ม เรียนกับพี่โตหน่อย แต่ครูบอกว่าโอเค ชิริวได้ดำน้ำเป็นครั้งแรก แม่พยายามไม่กลัวเพราะลูกจะเซ้นส์ได้ แม่ต้องพยายาม hv fun n relax ให้มากที่สุด ลูกก็จะสนุกไปด้วย ชิริว active มากขึ้น ขาเตะน้ำตลอด จนแ่ม่ชักจะกลัวว่าจะหลุดมือ คราวนี้คุณพ่อเรียนด้วย ก็สนุกไปอีกแบบนะ


13/10/55 ชิริวยิ่งสนุกกับการเรียนมากขึ้น กระดุกกระดิกตัวตลอดเวลา ร้องเสียงอืออา ยิ้มแย้ม มองนั่นมองนี่ แล้วก็ถีบขาใหญ่เลย วันนี้ครูโรสให้ทำท่ายืนบนมือ คุณแม่บอกว่า ชิริวเพิ่ง 4 เดือนยังนั่งไม่ได้นะคะ แต่วันนี้ครูโรสทำให้ชิริวยืนได้แล้ว เก่งที่สุด ดำน้ำได้ 2 ครั้ง ไม่กล้าทำเยอะ เด๋วชิริวเหนื่อย เรียนเสร็จไม่ร้องหิวนม แต่สลบเหมือด คา อกพ่อเลย

ท่า Hip Hip Hooley ให้เด็กรู้สึกสนุกสนานก่อนกลับบ้าน

20/10/55 คราวนี้อี๊หมีบอกว่าอยากว่ายน้ำกับชิริว ก็เลยได้รูปน่ารักน้าหลานมา แถมอี๊จิ๊ปก็พานลินที่น่ารักมาเรียนด้วย ชิริวคราวนี้พัฒนาการด้าน grasp n pull ดีมาก คว้าได้ทั้ง 2 มือเลย ดำน้ำทั้งหมด 4 รอบ คุณแม่ลองปล่อยมือตอนชิริวอยู่ในน้ำ ชิริวพยายามดิ้นแด็กๆให้พ้นเหนือน้ำ ถือว่าโอเคมาก ครั้งหน้าแม่จะลองปล่อยมือนานกว่านี้นะ หุหุ
relaxation time ให้เด็กรู้สึกว่าการมาเล่นน้ำนี่สนุก

ว่ายน้ำครั้งที่ 5 อาอี๊หมีกับอาม่ามาให้กำลังใจเช่นเคย คราวนี้ชิริวดำน้ำได้เยอะขึ้น แต่โดยจุดประสงค์แล้ว อยากให้ไม่กลัวน้ำ และหากิจกรรมทำร่วมกันมากกว่า ทุกครั้งที่เรียนว่ายน้ำ เราจะมีความสุขมาก (ไม่รู้ว่าเรานี่หมายความว่า แม่สนุกกว่าชิริวหรือเปล่า 555) ชิริวแข็งแรงขึ้น ดิ้นมากขึ้น รู้เรื่องมากขึ้น พัฒนาการเด็กนี่เร็วจริงๆเลยเนอะ





เรียนว่ายน้ำครั้งที่ 6 ชิริวคึกคักกว่าทุกครั้ง มือตีน้ำ ขาก็เตะน้ำตลอด คราวนี้ชิริวมีน้ำมูกใสไหลตอนเช้า แม่เลยคิดว่า ใส่เสื้อให้ลูกหน่อยดีกว่าเผื่อหนาว (ไม่คิดจะหยุดเรียน เพราะแม่อยาก 555 อร๊ายยย) วันนี้ครูโรสไม่มา เป็นครูฝรั่งมาสอนแทน ครูคนนี้เป็นครูของครูโรสกับครูแอนอีกทีค่ะ ครูเล่นท่ายากมาก แถมสอนเพลงแปลกๆเยอะ สนุกดี

สรุปตอนนี้ลงเรียนเป็นครอส 25 ครั้งค่ะ แต่ละครั้งชิก็มีพัฒนาการเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ จากตอนแรกที่สลบเหมือดทุกครั้งที่ขึ้นจากน้ำ เพราะชิเข้าเดือนที่ 6 เริ่มกินอาหารเสริมเป็นพวกข้าวตุ๋น ชิก็เริ่มไม่งอแงหลังเลิกเรียน ไม่สลบเหมือด แถมยังเล่นของเล่นได้ต่ออีกต่างหาก สุดยอดเลย เด็กนี่พลังเยอะจริงๆเลยนะคะ (ตอน 6 เืดือน ชิกินอาหารเสริมประมาณครึ่งถ้วยน้ำจิ้ม ตอนนี้แปดเดือนกิน 3/4 ของถ้วยซุปละ กินเยอะ กินหมดตลอดเลยค่ะ ป้อนง่าย)


สนอกสนใจตุ๊กตาของคุณครู

สุดท้ายนี้ ชิริวของแม่เป็นเด็กแข็งแรง ไม่งอแง สนอกสนใจกับสิ่งรอบข้าง ร่าเริงต่อไปนะลูก ในอนาคตไม่ว่าลูกจะเจออะไร ขอให้เป็นคนดี มองโลกในแง่ดีจ้า